บทที่ 5 พิมพ์รวี คุณเอาจริง!
ชาลส์ไม่รู้จริงๆ
แต่งงานกับพิมพ์รวีมาสามปี พอมาลองคิดดูดีๆ แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลยสักนิด!
คุณหญิงใหญ่ หรือก็คือมณี แม่ของชาลส์ ทำหน้าบึ้งตึง “เมื่อคืนเธอออกไปตามหาแก จนป่านนี้ยังไม่กลับมาเลย ลูกสะใภ้บ้านไหนเป็นแบบเธอบ้าง แต่งงานมาตั้งหลายปี ท้องไม่มีลูกก็ช่างเถอะ แต่นี่กลับงอนตุ๊บป่องไม่ยอมกลับบ้าน! ตามใจจนเคยตัวแล้วใช่ไหม!? แกก็เหมือนกัน เมื่อวานวันเกิดคุณปู่แกก็ไม่กลับมา จะงอนอะไรก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำแบบนี้ ถ้ามีธุระสำคัญจริงๆ ก็ว่าไปอย่าง แต่นี่กลับไปฉลองวันเกิดให้อินทิรา แล้วคุณปู่จะไม่โกรธได้ยังไง? พอแล้ว รีบไปขอโทษซะ ถ้าแกชอบอินทิราคนนั้นจริงๆ ก็รอให้พิมพ์รวีหย่าออกไปก่อนแล้วค่อยแต่งนังนั่นเข้ามา”
เมื่อได้ยินคำพูดของมณี แล้วนึกถึงท่าทีของพิมพ์รวีเมื่อคืนตอนที่เธอบอกเลิกกับเขา
แววตาของชาลส์เย็นชาลง “แม่ครับ แม่พูดเรื่องหย่ากับเธอเหรอครับ?”
“ก็เออสิ!” มณีไม่รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิดเลยแม้แต่น้อย “แต่งเข้ามาสามปีแล้ว ลูกชายสักคนก็ยังไม่มีให้ จะเก็บเอาไว้ทำไม? ยังไงแม่ก็ไม่สน เมื่อคืนแม่ยื่นคำขาดไปแล้ว ให้เวลาอีกสองเดือน ถ้ายังไม่ท้องอีก ก็ไสหัวออกไปซะ!”
ชาลส์มองเธออย่างลึกซึ้ง “แม่ครับ นี่เป็นเรื่องระหว่างผมกับเขา ต่อไปนี้แม่อย่าเข้ามายุ่งอีก”
พูดจบ เขาก็ทำหน้าเย็นชาเดินเข้าบ้านไป
มณีชะงักไปครู่หนึ่ง พอได้สติก็รีบวิ่งตามไป “เดี๋ยวสิชาลส์ แกพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง แก...”
ยังพูดไม่ทันจบประโยค ก็สบเข้ากับสายตาเย็นชาของคุณปู่ คำพูดที่เหลือจึงถูกกลืนกลับลงไปทั้งหมด
คุณปู่ภรัณยูส่งสายตาเตือนมณี แล้วหันไปมองชาลส์ “ตามฉันมา”
ชาลส์ถอดเสื้อสูทออก ยื่นให้คนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ แล้วเดินตามคุณปู่ขึ้นไปชั้นบน
พอเข้าไปในห้องหนังสือ คุณปู่ก็ใช้ไม้เท้ากระแทกพื้นอย่างแรง “คุกเข่าลง!”
ชาลส์ยืนนิ่งไม่ขยับ “คุณปู่ครับ ผมโตเป็นผู้ใหญ่มานานแล้วนะครับ!”
ในตระกูลพูนประสิทธิ์ คุณปู่ภรัณยูมีสถานะที่สูงส่ง ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของท่าน
ตอนเด็กๆ เวลาที่ท่านสั่งสอนลูกหลาน ไม่เคยมีคำว่าปรานี พี่น้องของชาลส์คนไหนบ้างที่ไม่เคยถูกท่านสั่งให้คุกเข่า
คุณปู่ภรัณยูอดไม่ได้ที่จะใช้ไม้เท้าฟาดเขาอีกครั้ง “แกยังรู้อีกเหรอว่าตัวเองโตแล้ว ดูเรื่องงามหน้าที่แกทำเมื่อวานสิ นั่นมันใช่สิ่งที่ผู้ชายที่โตแล้วเขาทำกันเหรอ? พิมพ์เป็นภรรยาของแก วันเกิดเธอแกไม่มีแม้แต่ดอกไม้สักช่อ แต่วันเกิดผู้หญิงคนอื่นแกกลับซื้อดอกไม้ไฟทั่วทั้งเมืองมาจุดให้ นี่มันไม่เท่ากับตบหน้าพิมพ์รึไง?! ไม่แปลกใจเลยที่พิมพ์จะขอหย่ากับแก! ฉันไม่สน ฉันยอมรับแค่พิมพ์เป็นหลานสะใภ้คนเดียวเท่านั้น ถ้าแกทำจนเธอทิ้งไป ตระกูลพูนประสิทธิ์แกก็ไม่ต้องกลับมาอีก ฉันไม่มีหลานชายที่ไม่ได้ความอย่างแก!”
“ฉันรู้จักพิมพ์ดี ตอนนี้ที่เธอขอหย่า อาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ แต่ถ้าแกไม่รีบง้อเธอกลับมาล่ะก็ ไม่แน่ว่าเธออาจจะหนีไปจริงๆ ถึงตอนนั้นแกจะได้ร้องไห้ไม่ออก!”
ชาลส์ยืนตัวตรงแน่ว แม้จะถูกตีที่น่อง แต่ก็ราวกับไม่รู้สึกเจ็บปวด
มีเพียงแววตาเย็นชาที่ฉายออกมา “หนีไปก็หนีไปสิครับ ปู่กลัวว่าผมจะหาภรรยาไม่ได้เหรอครับ?”
“ฉันกลัวว่าแกจะหาคนดีๆ อย่างพิมพ์ไม่ได้ต่างหาก!”
พูดจบ คุณปู่ภรัณยูก็เสริมขึ้นอีกประโยค “ไม่สิ ต้องบอกว่าแกไม่มีทางหาคนดีๆ อย่างพิมพ์ได้อีกแล้ว!”
ชาลส์ไม่ได้พูดอะไร เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย สีหน้าเย็นชาจนเกือบจะเฉยเมย
ท่าทางของเขาทำให้คุณปู่ภรัณยูปวดหัวจนทนไม่ไหว “ปู่ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ตอนนั้นที่พิมพ์เอาของหมั้นมาที่บ้าน ก็เป็นแกเองที่ตกลงจะแต่งงานกับเธอ ตอนเด็กๆ แกก็ชอบเธอไม่ใช่เหรอ คอยปกป้องเธอตลอดไม่ใช่รึไง? ตอนที่เธอถูกส่งไปต่างจังหวัดใหม่ๆ ไม่กี่ปีนั้น แกก็ยังร้องโวยวายจะไปหาเธออยู่เลย แล้วทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนไปได้ล่ะ?”
มุมปากของชาลส์ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา “คนเราก็เปลี่ยนแปลงกันได้ทั้งนั้นแหละครับ”
คุณปู่ภรัณยูโกรธกับความดื้อรั้นของเขาจนแทบกระอักเลือด ใช้ไม้เท้าทุบพื้นเสียงดังปังๆ
“ยังไงก็ตาม แกแต่งงานกับพิมพ์แล้ว ก็ต้องรับผิดชอบต่อเธอ ถ้าแกยังเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันก็คงต้องปลดแกออกจากตำแหน่งทายาท! ยังไงซะ บริษัทของตระกูลพูนประสิทธิ์จะไม่มีวันตกไปอยู่ในมือของคนทรยศหักหลัง!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของชาลส์ก็เคร่งขรึมลง
เขามองขึ้น สบตากับคุณปู่ภรัณยูด้วยสีหน้าเรียบเฉย ผ่านไปครู่ใหญ่ มุมปากของเขาก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา “ปู่ประกาศให้พี่ควินน์เป็นทายาทตอนนี้เลยก็ได้ แล้วมาดูกันว่าเขาจะนั่งในตำแหน่งนั้นได้มั่นคงหรือเปล่า!”
พูดจบ เขาก็หันหลังเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
ข้างหลัง คุณปู่โกรธจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ ขว้างไม้เท้าในมือใส่เขาตรงๆ
แต่ผลคือมันกระแทกเข้ากับประตูที่ปิดลงดังปัง ทำให้คุณปู่โกรธจนตาเหลือก
ไอ้เด็กสารเลว รอให้เสียใจทีหลังแล้วจะรู้สึก!
พอออกมาจากห้องหนังสือ ชาลส์ก็ได้รับโทรศัพท์จากบ้านเรือนหอ
“คุณชายครับ เพิ่งได้รับเอกสารฉบับหนึ่งครับ ดูเหมือนว่าจะเป็น... หมายศาลครับ”
“หมายศาล?” ชาลส์หรี่ตาลง “หมายศาลจากที่ไหน”
เสียงของคนรับใช้ฟังดูละล่ำละลัก “เป็น...เป็นหมายศาลที่คุณผู้หญิงน้อยฟ้องหย่าคุณชายครับ”
พอได้ยินดังนั้น สีหน้าของชาลส์ก็พลันเย็นเยียบขึ้นมาทันที
เขาวางสาย แล้วรีบก้าวลงบันไดเพื่อจะออกไปข้างนอก
คนรับใช้ของบ้านใหญ่รีบเอาเสื้อนอกมาส่งให้ มณีรีบวิ่งตามมาสองก้าว
“จะกินข้าวกันแล้วนะ นี่แกจะไปไหนอีก?”
เมื่อวานงานเลี้ยงวันเกิดคุณปู่เขาก็ไม่มา วันนี้กินข้าวพร้อมหน้ากันในครอบครัว เขากลับมาแล้วก็จะไปอีก ถึงตอนนั้นคนในตระกูลสายหลักจะมองเขายังไง แล้วคนในตระกูลสาขาย่อยจะมองเขายังไง
ตำแหน่งทายาทตระกูลพูนประสิทธิ์ของเขายังอยากจะเป็นอยู่ไหมเนี่ย?!
ชาลส์ไม่ได้หันกลับมาตอบ “มีธุระด่วนครับ!”
ข้างหลัง มณีโกรธจนกระทืบเท้า!
ชาลส์ขับรถกลับไปที่บ้านเรือนหอ เมื่อเห็นชื่อทนายความของอีกฝ่ายบนหมายศาล ดวงตาของเขาก็หรี่ลงอย่างเป็นอันตราย
แม็กซ์ ทนายความชื่อดังที่ไม่เคยแพ้คดีมาก่อน สังกัด อาร์แอนด์บี กลุ่มบริษัทการเงินอันดับหนึ่งของวอลล์สตรีท
ว่ากันว่าเขาทำแต่คดีธุรกิจ ไม่เคยแตะต้องคดีหย่าร้างมาก่อน
ทำไมถึงยอมยกเว้นให้พิมพ์รวี รับทำคดีหย่าของเธอล่ะ?
พวกเขารู้จักกันมาก่อนงั้นเหรอ? หรือว่าเขาคือหนึ่งในคนทื่พิมพ์รวีพูดถึง ว่าจะเป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่ชาลส์?
คนรับใช้ไม่กล้ามองหน้าชาลส์ หลังจากยื่นหมายศาลให้แล้วก็รีบถอยออกไป
ชาลส์ยืนอยู่คนเดียวหน้าหน้าต่างบานใหญ่ในห้องนั่งเล่น ร่างสูงใหญ่ของเขาแผ่ไอเย็นเยือกออกมา ราวกับว่าอากาศรอบตัวกำลังจะจับตัวเป็นน้ำแข็ง
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ชาลส์ก็แค่นหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา
จากนั้น เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาพิมพ์รวี
แต่กลับพบว่าทั้งเบอร์โทรศัพท์และวีแชทถูกบล็อกไปแล้ว
ชาลส์แค่นหัวเราะไม่หยุด มือที่ถือโทรศัพท์อยู่กำแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด
ดี ดีมาก!
พิมพ์รวี เธอเอาจริงกับฉันสินะ!
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วโทรหาแม็กซ์
ปลายสาย แม็กซ์มองโทรศัพท์ที่กำลังสั่นอยู่บนหน้าจอ แล้วเหลือบมองชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะทำงาน ซึ่งใบหน้าครึ่งหนึ่งซ่อนอยู่ในเงาของแสงและเงา
“โทรศัพท์จากชาลส์”
ภาคินยื่นมือออกไป “เอาโทรศัพท์มาให้ผม”
แม็กซ์ส่งโทรศัพท์ให้ ภาคินเพิ่งจะรับสาย เสียงเย็นชาที่กดความโกรธเอาไว้ของชาลส์ก็ดังขึ้นจากปลายสาย
“พิมพ์รวีอยู่ที่ไหน? หย่าก็ได้! แต่ให้เธอมาพูดกับฉันด้วยตัวเอง!”
“พิมพ์ไม่อยากเจอคุณ คุณชาลส์ทางที่ดีควรจะรู้ตัวแล้วเซ็นใบหย่าซะ ยังไงก็เคยเป็นสามีภรรยากัน การต้องขึ้นโรงขึ้นศาลมันไม่ดีต่อทั้งคุณและเธอ”
ชาลส์หัวเราะ ทั้งเมืองเอยังไม่เคยมีใครกล้าฟ้องร้องเขาขึ้นศาล!
“คุณไปเกลี้ยกล่อมให้เธอคิดให้ดีๆ ดีกว่า ไม่อย่างนั้น...”
น้ำเสียงของภาคินก็เย็นลงเช่นกัน “ชาลส์ อย่าคิดว่าพิมพ์ไม่มีใครคอยหนุนหลังจริงๆ”
“จะเล่นไม้ขู่เหรอ ก็ลองดูได้เลย!”
